เอาเป็นว่าข้อความดังที่จะกล่าวต่อไปนี้ผมพูดกลางๆ ซึ่งอาจมีอะไรที่หลวงปู่ไม่อยากพูดเพราะนิสัยหลวงปู่จะไม่ว่าไม่ว่าใครจะทำอะไร แม้ป่วยอยู่ท่านก็ทนทุกข์ พระลูกวัดก็ช่างกะไร เป็นพระลูกวัดอาศัยวัดท่านอยู่แต่ไม่มาใส่ใจเมื่อท่านไม่มีแรง ปล่อยให้เณรดูแลอยู่องค์เดียว  เณรก็เด็กจะทำหรือช่วยอะไรได้ เพลวิ่งมาบอกหลวงปู่ว่า ร้าน...(ทีผูกปิ่นโตไว้วันนี้ไม่มาเปิด นั่นหมายถึงไม่มีภัตตาหารให้หลวงปู่ฉัน) หลวงปู่ได้แต่นอนกับเก้าอี้โชฟาว่าไม่เป็นไร ผมถามเณรว่าแล้วไม่มีร้านอื่นเหรอ  เณรว่า\"ผมจะไปหาที่ไหนวันนี้วันอาทิตย์ร้านปิดหากมีก็ไกลๆโน้น แล้วผมก็ไม่มีเงินครับ\" ผมจึงทำได้แค่ให้แฟนไปหาซื้อซึ่งได้แค่สุกี้มาถวายท่านกับน้ำเปล่าและไวตามิ้นล์  สลดจังพระที่อาศัยวัดอยู่ไม่มีใครโผ่ลมาดูเลย หลวงปู่เล่าต่อว่า มีวันหนึ่งหลวงปู่ตื่นแต่เช้าตามปกติ ตี 4 แต่ขยับตัวเองไม่ได้จึงลงมาจากชั้นบนไม่ได้ ไม่มีใครขึ้นไปดู เณรดังกล่าว(อายุน่าไม่ถึง14)ภาษาเด็กเมื่อไม่ลงก็เล่นต่อ  จน10โมงมีคนแถววัดมาถามหาหลวงปู่เพราะมีธุระจึงได้รอและให้เณรขึ้นไปดู..ท่านครับ ตี4-10โมงเช้าท่านกั้นธุระห้องน้ำท่านไว้เพราะขยับไม่ได้เนื่องจากขาไม่ค่อยมีแรง

ทันทีที่หลวงปู่เห็นผมท่านยิ้มและถามเสียงแหบๆว่ามาเมื่อได๋  ผมตอบว่ามาใส่ปุ๋ยข้าวเมื่อวานวันนี้เลยมาขอบูชากุมารครับ  กุมาอะไร...(ผมก็ว่าไป)...รู้มาจากไส..(ผมก็บอกตามที่รู้คือในอินเตอร์เน็ท...ในเว็บไซด์)...หลวงปู่ย้อนถามอยู่หลายรอบว่ารู้ข่าวมาจากไหนถึงลงมาเอา.....สรุปอยู่นานทราบว่าเมื่อเช้าวันที่ผมมาคือเมื่อวานท่านก็ล้มลงเพราะขาขวาท่านไม่มีแรงและไปไหนไม่ได้ผมนวดท่านตั้งแต่ 9โมงไปจนเพล...ผมถามเรื่องกุมารทองอีกเป็นระยะท่านก็ไส่ศรีษะและถามคำเดิมว่าไปรู้มาจากไส  ท่านจึงบอกต่อว่าเพิ่งกลับมาถึงวัดเมื่อเช้าตี 2 ของวันที่13/9/52 โดยรถตู้ประจำวัดท่านๆว่านอนไม่หลับเพราะรถมันสะเทือน ไม่ค่อยได้พักวันนี้เลยไม่มีแรง หลวงปู่ไปไหนมาครับ ไปกรุงเทพว่าจะโทรหาก็ไม่ได้เอาสมุดไป(สมุดที่ท่านจอเบอร์..ในมือถือท่านจะมีแต่เบอร์พระเพราะท่านเป็นผู้ช่วยเจ้าคณะจังหวัด)....ไปกรุงเทพทำไมหลวงปู่ไปตั้งแต่วันที่ 2/9/52-/2/9/52 มารักษาตัวที่โรงพยายบาล...(ไม่ขอเอ่ยนามตอนนี้) อ้าว..ผมเลยขอตัวลงไปนอกกุฎิไปถามเณรถามพระตลอดจนชาวบ้านว่าวันที่ 9/9/09 มีงานอะไรไหมที่วัด  ทุกท่านส่ายหัวไม่รู้เรื่องเลย....ช่วงเวลาดังกล่าวหลวงปู่มารักษาตัวที่กรุงเทพตั้งแต่ 2/9/52 ถึง 12/9/52 ออกเดินทางกลับถึงวัดตี 2 วันที่ 13/9/52

*ต้องเช็คที่รพ....ว่าช่วงเวลานั้นคือ 9/9/52 หลวงปู่ออกจาก รพ.ไปกิจนิมนต์ไหนไหม...ซึ่งผมถามหลวงปู่ก็ไม่ตอบอาจเพราะท่านคงคิดอะไรในใจซึ่งไม่อยากให้ผมทำอะไรต่อไป....ทั้งหมดนี้ผมพูดกลางๆนะไม่ได้ว่าไม่มี /ไม่ใช่..แต่ต้องถามที่ รพ.อย่างเดียวว่าวันดังกล่าว หลวงปู่ออกจากรพ.ไปกิจนิมนต์ไหนไหม....เพราะสุขภาพร่างกายท่านแบบนั้น

แต่จากทางที่ติดต่อศูนยต้องวันที่ 20/9/52 เพราะทางวัดต้องใช้เวลาเช็คและจัดส่ง.....วัดไหนครับ

*ผมไม่ได้ว่าไม่มีพิธี/ไม่ได้ว่าไม่ใช่/ไม่ได้ว่าไม่จริง...แต่พูดเท่าที่ผมไปกราบหลวงปู่มาสดๆ และหลวงปู่คิดอะไรอยู่หรือทำไมไม่บอกผม และทำไมไม่มีกุมารและทำไมผมไม่ได้กุมาร  ที่วัดเวฬุวันไม่มีงานแน่นอน..ช่วง2/9/52ถึง12/9/52 หลวงปู่มารักษาตัวนอกจังหวัดร้อยเอ็ด...นี่คือข้อมูล   อยู่ที่ว่ารพ.ดังกล่าวนั้นจะบอกได้ไหมว่าวันที่ 9/9/52 หลวงปู่รับกิจนิมนต์ออกจากรพ.ไปไหนไหม ...และเวลาดังกล่าวคือช่วงเช้านั้นทำที่ไหน...หรืออาจมาทำพิธีที่กรุงเทพ วัดไหน  แต่ถ้ามีจริงสุขภาพหลวงปู่แบบนี้   หรือพระในวัดรูปใดอาจรู้หรือไม่รู้...แล้วทำไมเงียบจนไม่มีใครรู้เลย   เรื่องชื่อรพ.ขอปิดไว้ก่อน

{icon11} เดี๋ยวนี้มีทุกรูปแบบแหละครับ บาปกรรมมันมีจริง แบบนี้แหละเป็นเหตผลนึงที่ไม่ชอบไปเช่ากุมารตามศูนย์ ถ้าเป็นไปได้ให้ไป ศึกษาประวัติอาจารย์ที่ปลุกเสกแล้วไปรับกับมือ ท่านเองเลยดีกว่า รับลุกมาเลี้ยงทั้งทีก็ต้องมั่นใจกันหน่อยไม่ใช่ไปรับ มาแล้ว ใครทำมาให้ก้ไม่รู้ อยากดี เป็นแค่ ตุ๊กตาดินธรรมดาไม่มีจิต เจอ อย่างร้ายเอา กระดูกเอาอะไรคนตายใส่ไป ทำกันเองไมได้ ปลุกเสก คิดเอาแล้วกันว่าจะได้อะไร กลับมาที่บ้าน {icon8}

ขอให้หลวงปู่หายไวๆนะครับ สาธุ

อ่านมาซะยาวเลย  แค่บอกว่า ไม่มีการทำกุมารที่วัดนี้ เท่านั้นเองค่ะ อ่านจากที่บอกมาก็รู้แล้วค่ะว่าไม่มี 
ทำไมต้องกลัวที่จะบอกตรงๆล่ะคะ  ไม่มีไรผิดนี่ {icon4}

ขอให้หลวงปู่หายไวๆด้วยนะคะ {icon4}

เจ้าของกระทู้กลัวว่าจะไปขัดผลประโยชน์ใครเข้าอ่ะค่ะ เลยเล่าละเอียดๆ จะได้ทราบความเป็นมา ใช่ไหมค่ะ เนอะ

คุณแปลกถ้าท่านหายดีแล้ว......เรามาจัดสร้างกุมารทองของท่านจริงๆไว้เป็นอนุสรณ์กันมั้ย รายได้ยกให้ท่านไปเต็มๆเลย