ก่อนอื่นผมขออภัย ในทุกๆท่านนะครับ ถ้าหากว่าเห็นว่าข้อความนี้ post แล้วรกตามาหลายรอบอ่านไม่รู้เรื่องสักที ในกระทู้ของคุณพลอย ตอนแรกก็คิดว่าการพยายามต่อไปจะรบกวนบอร์ดไหมเพราะข้อความก็เยอะอยู่ ถ้ามีปัญหาอีกก็เกะกะรำคาญตาแก่บอร์ด แต่ก็เป็นเจตนาดีที่อยากให้หลายท่าน ได้รับทราบประสบการณ์กุมารทองของผม และอาจจุดประกายใครอีกหลายคน ขออภัยอีกครั้งนะครับถ้าหากรำคาญตา
สืบเนื่องจากกระทู้คุณพลอยครับ จากการอนุโมทนาบุญร่วมด้วยกับคุณพลอยที่ได้มีโอกาศทำบุญที่ รพ.สงฆ์
ผมโชคดีอย่างหนึ่งที่ ที่ทำงานผมอยุ่ตรงข้ามฝั่งถนน รพ.สงฆ์ ข้ามถนนไป 5 นาที ก็ถึงครับ เลยมีโอกาศสะดวกมากต่อการทำบุญ ใครสะดวกมีเวลาลองหาโอกาสมาทำบุญได้ครับ แต่ถ้าไม่สะดวกกันก็ไม่เป็นไรอย่าเดือดร้อนใจที่มาไม่ได้หรือไม่ได้ทำบุญ
เราสามารถทำบุญได้ตลอดทุกที่ทุกเวลาไม่ต้องรอให้ถึงโอกาศสำคัญครับ แค่หนึ่งระลึกจิตเวลาสั้นๆที่ไม่คิดเบียดเบียนใคร อิจฉาใครว่าเขาดีกว่า เสมอกว่า หรือด้อยกว่า มีความสงบสติเป็นที่ตั้งแม้เพียงลมหายใจเดียวก็ถือเป็นบุญแล้วครับ ที่สำคัญพึงยินดีด้วยการอนุโมทนา พลอยยินดีที่เขาได้กระทำสิ่งดีๆขึ้น ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ก็เป็นบุญอย่างหนึ่งครับ อยากให้ทุกคนมีความสุขกับการทำบุญครับ
ช่วงนี้กระแสกุมารทองแรงมากครับ ผมก็เป็นคนนึงที่ตกอยู่ในกระแสนั้น สิ่งที่เป็นแรงผลักดันคือความคาดหวังของมนุษย์เราเอง ผมเข้าใจในความกังวลของหลายๆท่าน เมื่อเริ่มบูชากุมาร อยากทราบและอยากรู้ว่าเขามีจิตไหม ประเด็นคำถามบ่งบอกว่าเราต้องการเพียงจิตของกุมารแน่หรือ ? และเพื่ออะไร ?
ถึงท้ายที่สุด แม้คำตอบของเราจะออกมาดี สมเหตุสมผลแค่ไหน บางรายอาจจะบอกว่าบูชาเพื่อให้ช่วยด้านโชคลาภจะได้มีทุนต่อๆไปในการทำบุญ ซึ่งดูก็เป็นเหตุผลที่ดี แต่สิ่งที่เราจะลืมไม่ได้เลย ว่าเราควรคิดว่า กุมารทองได้เตือนสติอะไรกับเราบ้าง ลองสูดลมหายใจลึกๆตั้งสติมั่นคงแล้วพิจารณาดูน้องกุมารของคุณ ลองไม่คาดหวังว่าเราจะหวังเอาอะไรจากเขา มองเหมือนสรรพสิ่งที่อยู่ร่วมโลกกัน เขาและคุณต่างกันยังไง และอะไรที่ทำให้คุณมาถึงจุดๆนี้
ผมคิดว่ามีหลายต่อหลายคน ที่บูชากุมารแล้ว ทำบุญมากขึ้น มีสติมากขึ้นจากการสวดมนต์ แม้จะมีความหวังสิ่งตอบแทนซ่อนเร้นบ้าง แต่นั่นก็เป็นธรรมดาของมนุษย์ที่ยังตัดกิเลศไมได้อย่างพวกเราๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิด
หลายคนไม่เคยสนใจเรื่องเหล่านี้มาก่อนเลย การทำบุญ การสวดมนต์ภาวนา การเจริญกรรมฐาน ถึงแม้สิ่งที่คุณทำไป จะมีสิ่งที่หวังตอบแทน แต่นี่ คือก้าวแรกครับที่จะเข้าสู่กระแสพระนิพพาน ขอแต่มีสติยิ้มแย้มกับตัวเอง จากก้าวแรก จะมีวันต่อๆไปที่คุณพิจารณาอะไรได้ละเอียดอ่อนขึ้น
ปัญญาของมนุษย์ไม่ได้เป็นสิ่งครอบจักรวาล มีอีกหลายเรื่องที่เรายังไม่รู้ และเรื่องที่เรารู้เราเห็นมานั้น ก็ยังอาจจะไม่ถูกต้องก็ได้ ผมเคยปฏิเสธในเครื่องรางของขลังทุกชนิด มองเป็นสิ่งงมงายไร้สาระ โลกนี้มีแต่ความไม่แน่นอน มีความเป็นไปของมันเองครับ ขอให้มองและคิดในสิ่งที่ดี ทุกวันนี้ผมมองเครื่องรางของขลังเป็นเครื่องเตือนใจเตือนสติ ที่ทำให้ดำรงชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท และนี่คือศรัทธาของผมที่มีต่อเครื่องรางของขลัง
เราเห็นคำว่า ศรัทธา ในเวบบอร์ดนี้มามาก พร้อมด้วยคำถามว่ากุมารนี้มีจิตไหม ผมเข้าใจความกังวลของทุกท่านที่ถามๆกันเข้ามาดี ผมเองก็เคยมีความคิดนั้นในสมอง
เมื่อต้นเดือน ผมได้ไปบูชากุมารทองจากวัดคันลัด มาทั้งแบบบูชา และพกพา ทุกวันนี้ถามผมว่าเป็นยังไง ขอตอบว่าเงียบ.......... แต่ถ้าถามว่าชีวิตดีขึ้นไหม ขอตอบว่าดีครับดีขึ้นมาก แม้จะไม่ถูกหวยแจ๊คพอต *-* และถ้าถามว่าเพราะน้องกุมารใช่ไหมที่ทำให้ดีขึ้น ขอตอบว่า เพราะ น้องกุมารและตัวผมเอง
ผมไม่เคยรับรู้ได้เลยว่า น้องกุมารได้มาอยู่กับผมไหม แรกๆผมกังวลเหมือนทุกๆท่านที่ถามๆกันถึงเรื่องจิตกุมาร เพราะเงียบ..........ยิ่งคิด ยิ่งกังวล คิดไปมากมายเกิดความลังเลสงสัยทั้งเรื่องจิตกุมาร ความเป็นตัวตน น้องเขาจะมาอยู่กับเราไหม ขึ้นรถมาหรือเปล่า โดนแม่ย่านางรถเรือ กีดกันหรือเปล่า เข้าบ้านได้ไหม ลืมเชิญนู่นนี่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กุมารเลยเงียบ !!!!
สิ่งที่ผมพิมพ์มาทั้งหมดและจะพิมพ์ต่อไปนี้ คุณไม่จำเป็นต้องเชื่อผม จงมีสติพิจารณาด้วยตนเอง ผมจะกล่าวในกรณีของผม ความเชื่อและ ความศรัทธา ต่างกันตรงที่ ความศรัทธา นั้น เป้นความเชื่ออยู่ที่พร้อมด้วยสติ การบูชากุมารทองไม่ใช่สิ่งผิด และไร้สาระ ผิดถูกขึ้นอยุ่ว่า คุณจะเอาอะไรเป็นที่ตั้ง และไม่ลืมที่ตั้งอยู่ในสติ เรื่องแบบนี้ยกตัวอย่าง เหมือนกับ พระภิกษุเช็ดเนื้อจับต้องตัวมารดาที่เป็นผู้หญิงเพราะมารดาป่วยไม่มีผู้ดูแล ถามว่าผิดข้อวินัย ? ท่านคิดอย่างไร ? เรื่องนี้เราจะเอาอะไรเป็นที่ตั้ง ข้าพเจ้ามองว่าเป็นเรื่องผิดวินัย แต่เป็นความผิดที่เกิดจากกรรมดี ไม่ได้ส่งผลเบียดเบียนผู้ใด เป็นสิ่งที่พึงระลึกแล้วนั่นคือสติที่มนุษย์ตั้งมั่น และนั่นคือเหตุที่ตั้งอยู่ด้วยเจตนาดี
ผมเองทุกวันนี้บูชากุมารทองด้วยความศรัทธา แต่ไม่ใช่เพราะปฏิหาริย์เดินได้วิ่งได้ให้หวยเก่ง แต่ถ้าให้ก็เอานะครับ *-*
ผมมองอย่างระลึกเตือนตัวเอง หลังจากที่กังวลว่าทำไมน้องกุมารเขาถึงเงียบ............ ผมลองหยิบกุมารมาพิจารณาใกล้ๆ ร่างกายเขาเป็นเนื้อดินเนื้อมวลสารแปลกๆที่เราไม่รู้ ไม่ได้มีเนื้อหนังเหมือนเรา เราเองก็ไม่รู้ว่าเขามีจริงหรือเปล่า แต่สิ่งที่เราเห็นได้ดีคือ เรามีโอกาศดีกว่าเขา เราได้สวดมนต์ ได้เจริญกรรมฐาน ได้ทำบุญ ได้ทำอะไรมากมายในทางที่ดี ได้ให้ทานขจัดความตระหนี่หวังได้แต่ฝ่ายเดียว มองย้อนไปถึงเวลาที่ผ่านมา เราทำอะไรอยู่
และอีกหละครับ เวลาที่เราคิดจะทำอะไรไม่ดี ถึงแม้เราจะไม่รู้ว่าเขามีจริงหรือเปล่า เราก็รู้สึกเกรงว่าเขาจะเห็นเราทำในสิ่งนั้น และไม่เชื่อถือเรา พาลจะไม่ช่วยเหลือหรือศรัทธาเราตอบนั่นเอง เปรียบเหมือนคุณมีลูก ถ้าคุณทำตัวไม่ดีลูกจะเชื่อถือเคารพคุณได้สนิทใจไหม และนี่คือความศักดิ์สิทธิ์ของกุมารวัดคันลัด ของผมครับ
ทุกวันนี้ผมมองว่า หากคุณพิมพ์คำว่ากุมารทองลงบนกระดาษ A4 ไม่ต้องผ่านพิธีกรรมใดๆ ไม่ต้องอัญเชิญ วิญาณ ดวงจิต หรือเทพองค์ใด สิ่งนั้นก็ศักดิ์สิทธิ์ได้ ถ้าคุณมีศรัทธาอย่างมีสติ น้อมนำสิ่งดีๆมาสู่ตัวเอง และไม่ต้องเกรงว่า กุมารทอง A4 นั้นจะทำร้ายคุณเพราะสิ่งที่คุณทำลงไปนั้นมีสติกำกับทุกลมหายใจแห่งการตื่นรู้ นั่นคือมงคลดีๆในชีวิต มิใช่ภูตพราย
ผมคิดว่าผมพิมพ์ยาวเกินไป และก็ไม่ได้หวังให้ใครเชื่อผมทั้งหมด คุณต้องพิจารณาด้วยตัวคุณเอง และคิดว่าคุณต้องการอะไร คุณกำลังทำอะไรอยู่ ไม่ต้องรีบร้อนค่อยๆพิจารณา ผมเพียงนำเรื่องจากประสบการณ์ของผมมาเล่าให้ฟัง ถ้าคิดจะบูชาแล้วต้องมีศรัทธา อย่าบูชาด้วยความหลงงมงาย หรือกังวลกับการมีจิตหรือไม่มีจิตของกุมารทอง
ท้ายนี้แม้กุมารเขาจะไม่มีจิต แต่เราทำตัวเราเองให้เป็นผู้ตื่นรู้จากการที่ผมเล่ามานี้ ถือเป้นบุญยิ่งแล้วที่อย่างน้อยเขาทำให้เราระลึกได้ถึงสิ่งที่เล่ามาทั้งหมดนี้ และวันใดเขามีจิตขึ้นมาเขาคงจะยิ้มและชื่นชมในการกระทำของเรา และอนุโมทนาในสิ่งที่เราทำ และสนับสนุนเราเป็นอย่างดี โชคและลาภ คือสิ่งที่ตามมา และถึงที่สุดนั้นเราจะมองได้เองว่า เราต้องโชคลาภ นั้นเหรอ หรือเรามีสิ่งใดที่ยิ่งกว่า แรงบุญและกรรม ขอให้ทุกท่าน ถึงพร้อมด้วยปัญญา ขอบคุณครับที่ ตามอ่านมาจนจบ และ ขออภัยหากทำให้ขัดเคืองตาในข้อความ